ผู้เสียชีวิต

ข้อมูลเมื่อ 10 สิงหาคม ค.ศ. 2023 (2023 -08-10)[update] มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 55 ราย และยังสูญหายอีกมากกว่า 1,000 คนในลาไฮนา[4][8] นายกเทศบาลของเทศมณฑลเมาวีระบุว่าจำนวนนี้อาจเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการดำเนินการกู้ภัยและค้นหายังคงดำเนินอยู่[9] ยอกเสียชีวิตในเมาวีทำให้เหตุเพลิงไหม้นี้เป็นครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐฮาวาย[10] ต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2566 มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 80 ราย และมีผู้สูญหายมากถึง 1,000 คนในเมืองลาไฮนา [4][8] ไฟป่าในครั้งนี้ถือเป็นภัยพิบัติไฟป่าที่ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตมากที่สุดนับแต่ฮาวายกลายเป็นมลรัฐของสหรัฐ [10]

ความเสียหาย

ไฟป่าใหญ่บนเกาะเมาวีเผาไหม้ส่วนใหญ่ของชุมชนลาไฮนา มีสิ่งปลูกสร้างกว่า 1,700 หลังที่เสียหายหรือถูกทำลาย ซึ่งรวมถึงส่วนใหญ่ของเขตประวัติศาสตร์ลาไฮนา[11][12] ซึ่งได้รับสถานะเนชันนอลฮิสตอริกแลนด์มาร์กในปี 1962 และเป็นอดีตราชธานีของอาณาจักรฮาวายเป็นเวลา 35 ปี ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ในครั้งนี้อย่างหนัก[13] สิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลายในไฟป่ารวมถึงโบสถ์ไวโอลา และ ไพออนเนียร์อินน์[14][15] ต้นจามจุรียักษ์แห่งลาไฮนา ซึ่งเป็นต้นจามจุรีที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐถูกเผาไหม้อย่างหรัก กระนั้นดูเหมือนจะยังคงยืนต้นอยู่หลังไฟสงบแล้ว[16]

ทาแมรา แพลติน (Tamara Paltin) ผู้แทนเขตลาไฮนาในสภาเทศบาลนครเมาวีรายงานโบราณสถานสำคัญที่เสียหายหนักหรือถูกทำลายจากไฟป่าไว้ในบทสัมภาษณ์กับ Honolulu Star-Advertiser โดยคร่าว เช่น:[13]

• โบสถ์ไวโอลา ซึ่งพึ่งฉลองครบรอบ 200 ปีไปเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา อารามหลัก, อาคารต่อขยาย และโถงสังคม (main sanctuary, annex, social hall) ถูกทำลาย[13][17] Waiola Church's cemetery is the burial ground for members of the Hawaiian Royal Family, including Queen Keōpūolani, who founded the church in 1823.[17]
• โบสถ์คาทอลิกมาเรีย ลานากีลา ประกอบพิธีเสกในปี 1858 เสียหายบางส่วนที่หลังคาและทางเดินภายใน[13][17]
• ลาไฮนาโจโดมิชชั่น วัดพุทธที่ริเริ่มในปี 1912 ตัวอาคารตั้งอยู่ที่จุดนี้ตั้งแต่ปี 1932[13]
• ไพออนเนียร์ฮิลล์ โรงแรมสร้างขึ้นในปี 1901[13]
• Na Aikana Cultural Center [Wikidata] ศูนย์วัฒนธรรม[13]
• ศาลลาไฮนาหลังเก่า ตัวอาคารใช้งานมาตั้งแต่ปี 1860 เป็นศุลกสถาน หลังคาเสียหายทั้งหมด[18] และ พิพิธภัณฑ์มรดกลาไฮนา รวมถึงของสะสมของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจัดแสดงและเก็บสะสมในศาลหลังเก่า ถูกทำลาย[18]
• พิพิธภัณฑ์บ้านบอลด์วิน บ้านหลังแรกของเกาะเมาวี สร้างขึ้นระหว่างปี 1834 ถึง 1835 ใช้งานเป็นบ้านของมิชชันนารีชาวอเมริกัน ดไวต์ และ ชาร์ลอต บอลด์วิน ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด[18][13][18] รวมถึงโบราณวัตถุในบ้าน[13][18]
• ศโถงสังคมวอฮิง สร้างในต้นศตวรรษที่ 1910 สำหรับประชากรชาวจีน[19]